top of page

คอร์ส POD (ETSY, Redbubble) + KDP (Amazon) ครบ จบ ในคอร์สเดียว !
Price
7,999
About the Course

คอร์ส POD (ETSY, Redbubble) + KDP (Amazon) ครบ จบ ในคอร์สเดียว !
ธุรกิจออนไลน์ที่มาแรงที่สุดในขณะนี้! สาย Digital Nomad ห้ามพลาด!
Side hustle (งานเสริม) ที่อาจกลายมาเป็นงานหลัก เพราะรายได้จากธุรกิจนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
นั่นคือ KDP POD นั่นเองบางท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว สำหรับท่านที่ยังไม่เคยได้ยินผมจะอธิบายคร่าวๆนะครับ
ธุรกิจ KDP (Kindle Direct Publishing) คือการที่เราออกแบบหนังสือนิทานเด็ก หรือ หนังสือระบายสีขายบนแพลตฟอร์มชื่อดังต่างๆเช่น Amazon ความฟินคือการที่เราไม่จำเป็นจะต้อง print สมุดออกมาจริงๆหรือส่งของแต่อย่างใด เพราะทางแพลตฟอร์มเหล่านี้เขาจะจัดการให้เราทั้งหมดหน้าที่ของเรามีเพียงการออกแบบเท่านั้น !
ธุรกิจ POD (Print on Demand) คือการที่เราออกแบบลวดลายสำหรับสินค้าชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด สติ๊กเกอร์ ลายแก้วน้ำ เคสมือถือภาพวาดติดผนัง และอื่นๆอีกมากมายขายบนแพลตฟอร์มระดับโลกอีกเช่นกัน และหน้าที่ของเราคือแค่การออกแบบ
แต่ว่าสิ่งที่ต่างก็คือในยุคนี้เราสามารถทำธุรกิจนี้ได้ง่ายกว่าเดิมเป็น 10 เท่าด้วยการใช้ AI มาช่วยสร้างงานได้ทั้งรูปภาพ และ เนื้อเรื่อง ที่นี้ก็ว้าวุ่นเลย
ขอเพียงแค่เรามีไอเดีย ความตั้งใจ และ รู้สูตรวิธีทำที่ถูกต้อง ผมกล้าการันตีว่าไม่ว่าใครก็สามารถสร้าง Passive Income จากธุรกิจนี้ได้
- ฟรี!! Template ตกแต่งร้าน ETSY เพียบ! ไม่ต้องเสียเวลาทำเอง ทำเงินไวขึ้นอีก
- โบนัสพิเศษ!! เนื้อหาการใช้ Chatgpt + Midjourney ระดับ Advance
- โบนัสพิเศษ!! สูตรการทำ automation ผลิตงานได้ไวขึ้น 10 เท่า
- ฟรี!! Prompts คำสั่งมากกว่า 2,000 + และ ยังสอนวิธีการสร้าง Prompts คำสั่งใช้เองได้แบบไม่จำกัด !
- POD บนแพลตฟอร์ม ETSY ตั้งแต่ 0 ถึง 100 สอนละเอียดทุกจุด ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง, การทำ Personalization เทรนด์แห่งอนาคต ที่มีดีมานด์สูงมาก (สินค้าที่ลูกค้าสามารถกรอกชื่อ และข้อมูลของตัวเองลงไปได้)
ท่านใดสนใจคอร์ส Digital Products by Ai (KDP POD) ทักแชทมาได้เลยครับราคาปกติ 10,000 บาทเหลือเพียง 7,999 บาทสำหรับ 30 ท่านแรกเท่านั้นนะครับราคานี้ ผมอยากให้คนที่สนใจจริงๆก่อน
#สร้างรายได้ออนไลน์ #หาเงินออนไลน์




คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับธุรกิจ (POD) Print on demand
1. POD คืออะไร และทำงานอย่างไร?
POD หรือ Print on Demand คือธุรกิจที่พิมพ์สินค้าตามความต้องการโดยไม่จำเป็นต้องเก็บสต็อก เมื่อมีคำสั่งซื้อ ร้าน POD จะพิมพ์ลายหรือกราฟิกบนสินค้าที่ลูกค้าเลือก เช่น เสื้อยืด แก้วน้ำ หรือกระเป๋า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ ธุรกิจ POD จะช่วยลดความเสี่ยงในการถือสต็อกสินค้าสำเร็จรูปที่อาจขายไม่ออก
2. เริ่มต้นธุรกิจ POD ต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง?
ศึกษาตลาดเพื่อหาแนวทางสินค้าที่ต้องการและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 2) เลือกแพลตฟอร์ม POD เช่น Printful, Printify, Redbubble 3) ออกแบบลายสินค้าที่มีความน่าสนใจหรือจ้างนักออกแบบมืออาชีพ 4) เปิดร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มเช่น Etsy, Shopify, Amazon 5) เชื่อมต่อร้านค้าเข้ากับบริการ POD เพื่อให้ระบบสามารถพิมพ์และส่งสินค้าโดยอัตโนมัติ
3. ต้นทุนการผลิตและการจัดส่งสินค้าของ POD มีโครงสร้างอย่างไร?
ต้นทุนการผลิตสินค้าต่อชิ้นของ POD มักจะสูงกว่าการสั่งผลิตแบบจำนวนมาก เนื่องจากการผลิตตามคำสั่งทีละชิ้น นอกจากนี้ต้นทุนการจัดส่งยังขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลายทาง การเลือกผู้ให้บริการที่มีค่าจัดส่งที่เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนรวมได้
4. POD ต่างจาก Dropshipping อย่างไร?
ความแตกต่างหลักคือ POD ผลิตสินค้าที่ออกแบบเฉพาะตามคำสั่งซื้อ ขณะที่ Dropshipping ขายสินค้าที่มีอยู่แล้วจากซัพพลายเออร์โดยไม่ต้องปรับแต่ง การเลือกทำ POD เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าเฉพาะบุคคล ขณะที่ Dropshipping เหมาะสำหรับสินค้าทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ลายพิเศษ
5. จำเป็นต้องมีทักษะการออกแบบหรือไม่?
หากสามารถออกแบบเองได้จะมีข้อได้เปรียบเพราะสามารถสร้างลายที่มีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ได้ แต่หากไม่มีทักษะสามารถจ้างนักออกแบบบนแพลตฟอร์มเช่น Fiverr, Upwork หรือใช้เครื่องมือออกแบบอย่าง Canva ที่ใช้งานง่ายและไม่ต้องมีพื้นฐานการออกแบบมาก่อน
6. แพลตฟอร์มที่เหมาะกับการเริ่มต้น POD คืออะไร?
Etsy เหมาะกับผู้เริ่มต้นเพราะมีฐานลูกค้าที่ชอบสินค้าสั่งทำเฉพาะ Shopify เหมาะกับการสร้างแบรนด์ส่วนตัวและเชื่อมต่อกับ Printful หรือ Printify ได้ Amazon เป็นที่นิยมเพราะมีลูกค้าจำนวนมากทั่วโลกและเข้าถึงได้ง่าย Redbubble และ TeeSpring เหมาะกับการขายสินค้าพิมพ์ลายโดยไม่ต้องตั้งร้านเอง
7. วิธีโปรโมทสินค้า POD มีอะไรบ้าง?
ใช้โซเชียลมีเดียเช่น Facebook, Instagram, Pinterest เพื่อแสดงสินค้าของคุณ เขียนเนื้อหา SEO ให้ค้นหาเจอได้ง่ายใน Google ใช้โฆษณาออนไลน์เช่น Google Ads และ Facebook Ads เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย และใช้การตลาดผ่าน influencer หรือบล็อกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง
8. กลุ่มลูกค้าของ POD เป็นใครบ้าง?
ลูกค้าส่วนใหญ่ของ POD จะสนใจสินค้าเฉพาะบุคคล เช่น ของขวัญวันเกิด ของขวัญแต่งงาน หรือสินค้าที่สะท้อนตัวตน คนที่ชอบสินค้าแนวแฟนคลับ (เช่น แฟนหนัง แฟนเพลง) และผู้ที่ชอบสินค้าแฟชั่นหรืองานศิลปะ
9. ธุรกิจ POD ต้องบริหารสต็อกอย่างไร?
เนื่องจาก POD ผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อ จึงไม่ต้องถือสต็อกสินค้า ข้อดีคือการลดความเสี่ยงจากสินค้าค้างสต็อก แต่จำเป็นต้องตรวจสอบและควบคุมคุณภาพสินค้าก่อนจัดส่งเพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าคุณภาพดี
10. การตั้งราคาสินค้าในธุรกิจ POD ควรทำอย่างไร?
การตั้งราคาควรคำนึงถึงต้นทุนการผลิต, ค่าจัดส่ง, และค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม เช่น ค่าคอมมิชชั่นของ Etsy และควรบวกกำไรที่ต้องการ โดยทั่วไปจะเพิ่มจากต้นทุนประมาณ 20-50% เพื่อให้ครอบคลุมค่าบริการและทำให้มีกำไร
ผลงานอบรมด้านธุรกิจ การตลาด และ AI ที่ผ่านมาของ ทีม Marketing Expert





















bottom of page