top of page

วิธีใช้ ChatGPT ให้ได้คำตอบแม่นยำ แบบที่ต้องการ เอาไปใช้ได้ทันที!!! ด้วย ERA Framework (ทำตามได้ทันที)👇🏻

ree

คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหมครับ? ถาม ChatGPT ทีไร ได้คำตอบกว้างๆ เหมือนตอบไม่ตรงคำถามบ้าง หรือบางทีก็ได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาบ้าง จนสุดท้ายก็ต้องกลับไปหาข้อมูลหรือลงมือทำเองอยู่ดี... ถ้าคุณกำลังพยักหน้าอยู่ล่ะก็ บทความนี้เขียนเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยครับ!  ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากว่า ChatGPT ไม่เก่งนะครับ แต่บ่อยครั้งมันเกิดจาก "วิธี" ที่เราใช้สั่งงานหรือ "Prompt" ที่เราป้อนเข้าไปต่างหาก เหมือนเรามีเชฟระดับโลกอยู่ในมือ แต่เรากลับสั่งแค่ว่า "ขออะไรอร่อยๆ สักจาน" เชฟก็คงจะงงใช่ไหมครับว่าจะทำอะไรให้ดี? แต่ถ้าเราบอกว่า "ขอสเต็กเนื้อวากิว มีเดียมแรร์ เสิร์ฟพร้อมซอสไวน์แดงและมันบดทรัฟเฟิล" ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวแน่นอน  วันนี้ผมจะมามอบ "สูตรลับ" ที่จะเปลี่ยนวิธีการสั่งงาน AI ของคุณไปตลอดกาล ด้วยเฟรมเวิร์กง่ายๆ แต่ทรงพลังที่ชื่อว่า ERA Framework ซึ่งจะช่วยให้คุณได้คำตอบที่แม่นยำ ตรงใจ และเอาไปใช้งานต่อได้ทันที ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาด, นักเขียน, นักเรียน, หรือใครก็ตามที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก ChatGPT ให้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลยครับ!


ปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ ChatGPT: ทำไมคำสั่ง (Prompt) ของคุณถึงสำคัญที่สุด?


หลายคนอาจจะยังเข้าใจว่า ChatGPT คือเครื่องมือค้นหาข้อมูลอัจฉริยะ แค่พิมพ์คีย์เวิร์ดสั้นๆ เข้าไปก็จะได้คำตอบที่ดีที่สุดกลับมา ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปหน่อยครับ  ลองจินตนาการว่า ChatGPT เป็นเหมือน "นักศึกษาฝึกงานที่เก่งมากๆ" คนหนึ่ง เขามีความรู้มหาศาลจากทั่วทุกมุมโลก อ่านหนังสือมาแล้วนับล้านเล่ม แต่... เขายังขาดประสบการณ์และ "วิจารณญาณ" ในการตัดสินใจว่าข้อมูลแบบไหนที่คุณต้องการจริงๆ หน้าที่ของเราในฐานะ "ผู้จัดการ" หรือ "หัวหน้างาน" ก็คือการให้คำสั่ง (Prompt) ที่ชัดเจนและมีทิศทาง เพื่อให้นักศึกษาฝึกงานคนนี้สามารถทำงานออกมาได้ตรงตามบรีฟที่เราต้องการมากที่สุด  ยิ่งคำสั่งของคุณเฉพาะเจาะจงและละเอียดมากเท่าไหร่ (High-quality Prompt) ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งมีคุณภาพสูง (High-quality Output) มากขึ้นเท่านั้น การลงทุนเวลาสักนิดเพื่อสร้าง Prompt ที่ดี จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการเสียเวลาไปกับการแก้ไขคำตอบที่ไม่ตรงใจในภายหลังครับ


ERA Framework คืออะไร? ทำไมถึงเป็น "ไม้กายสิทธิ์" สำหรับคนใช้ ChatGPT


มาถึงพระเอกของเราในวันนี้กันแล้วครับ ERA Framework คือหลักการง่ายๆ ที่ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ที่จะช่วยจัดระเบียบความคิดและโครงสร้างของคำสั่งที่เราจะป้อนให้ ChatGPT ได้อย่างเป็นระบบ เปรียบเสมือน GPS ที่นำทางให้ AI เดินไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการได้อย่างแม่นยำ


 ERA ย่อมาจาก:  

E - Expectation (ความคาดหวัง): ผลลัพธ์สุดท้ายที่เราอยากได้คืออะไร?  

R - Role (บทบาท): เราอยากให้ ChatGPT สวมบทบาทเป็นใคร?  *

A - Action (คำสั่ง): เราอยากให้ ChatGPT ลงมือทำอะไรบ้าง?  


เพียงแค่เราใช้ 3 องค์ประกอบนี้ในการสร้าง Prompt ทุกครั้ง ผมรับประกันได้เลยว่าคุณภาพของคำตอบที่คุณจะได้รับจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด เรามาเจาะลึกไปทีละส่วนกันเลยดีกว่าครับ


E - Expectation (ความคาดหวัง): กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน


ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุด คือการบอกให้ ChatGPT รู้ว่า "เป้าหมายปลายทาง" หรือ "ผลลัพธ์สุดท้าย" ที่เราคาดหวังคืออะไร การกำหนด Expectation ที่ชัดเจนจะช่วยให้ AI เข้าใจบริบทและขอบเขตของงานได้ทันที


อยากได้อะไร? บอก AI ไปเลย!


ลองถามตัวเองก่อนเริ่มพิมพ์ Prompt ครับว่า:  

รูปแบบ (Format): อยากได้ผลลัพธ์ในรูปแบบไหน? (เช่น บทความ, โพสต์โซเชียลมีเดีย, สคริปต์วิดีโอ, ตารางเปรียบเทียบ, โค้ดโปรแกรม, รายการไอเดีย, อีเมล)  

จำนวน: ต้องการกี่ชิ้น? กี่คำ? กี่ไอเดีย?  

สไตล์และน้ำเสียง (Tone of Voice): อยากให้งานเขียนมีน้ำเสียงแบบไหน? (เช่น เป็นทางการ, เป็นกันเอง, ตลกขบขัน, สร้างแรงบันดาลใจ, เชิงวิชาการ)  

กลุ่มเป้าหมาย (Target Audience): เขียนให้ใครอ่าน? (เช่น ผู้เริ่มต้น, ผู้เชี่ยวชาญ, เด็ก, ผู้สูงอายุ)


ตัวอย่างการกำหนด Expectation ที่ดีและไม่ดี


แบบไม่ดี (กว้างเกินไป): "เขียนเกี่ยวกับกาแฟ"  แบบดี (ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง): "ช่วยเขียนบทความ SEO ความยาว 1,500 คำ ในหัวข้อ '10 ประโยชน์ของกาแฟดำที่คนรักสุขภาพต้องรู้' โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เป็นกันเอง เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายคนวัยทำงานที่ใส่ใจสุขภาพ"  เห็นความแตกต่างไหมครับ? แค่เราเพิ่มรายละเอียดของ "ความคาดหวัง" เข้าไป AI ก็จะมีธงในใจทันทีว่าต้องสร้างสรรค์ผลงานออกมาในทิศทางไหน


R - Role (บทบาท): สวมบทบาทให้ AI กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ


ขั้นตอนต่อมาคือการมอบ "หมวก" หรือ "บทบาท" ให้กับ ChatGPT ครับ การทำแบบนี้จะช่วยจำกัดขอบเขตความรู้ของ AI ให้แคบลงและโฟกัสไปที่ศาสตร์นั้นๆ โดยเฉพาะ ทำให้คำตอบที่ได้มีความลึกและน่าเชื่อถือมากขึ้น เหมือนเราคุยกับ Specialist ในเรื่องนั้นๆ โดยตรง


ทำไมต้องกำหนดบทบาทให้ AI?


ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าเราถามคำถามเกี่ยวกับสุขภาพกับคนทั่วไป เราอาจจะได้คำตอบตามความเชื่อหรือประสบการณ์ส่วนตัว แต่ถ้าเราถามคำถามเดียวกันกับ "คุณหมอ" หรือ "นักโภชนาการ" คำตอบที่ได้ย่อมมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือมากกว่า การกำหนด Role ให้ ChatGPT ก็ทำงานในหลักการเดียวกันครับ มันคือการบอกให้ AI ดึงข้อมูลจากคลังความรู้ที่เกี่ยวข้องกับบทบาทนั้นๆ มาใช้เป็นหลัก


ตัวอย่างการกำหนด Role ที่ทรงพลัง


"สวมบทบาทเป็น นักการตลาดดิจิทัลที่มีประสบการณ์ 15 ปี"   "สมมติตัวเองเป็น เชฟมิชลินสตาร์"   "ทำหน้าที่เป็น ที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่เชี่ยวชาญตลาดคริปโตเคอร์เรนซี"   "คุณคือ นักเขียนคำโฆษณา (Copywriter) มือฉมัง ที่เขียนงานให้กับแบรนด์ระดับโลก"  ยิ่งเราอธิบายบทบาทได้ละเอียดเท่าไหร่ เช่น ระบุประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญพิเศษ AI ก็จะยิ่ง "อิน" กับบทบาทและให้คำตอบได้เฉียบคมขึ้นเท่านั้น


A - Action (คำสั่ง): บอกให้ชัดว่าต้องทำอะไร


มาถึงส่วนสุดท้ายของเฟรมเวิร์ก นั่นคือ "Action" หรือการออกคำสั่งที่ชัดเจนว่าเราต้องการให้ AI "ทำอะไร" กับข้อมูลเหล่านั้นบ้าง ส่วนนี้คือการลงรายละเอียดของ "วิธีการ" เพื่อให้ได้มาซึ่ง "ความคาดหวัง" (Expectation) ที่เราตั้งไว้ในตอนแรก


จาก "บอกเล่า" สู่ "สั่งการ"


แทนที่จะใช้ประโยคบอกเล่าลอยๆ ให้เราเปลี่ยนมาใช้ "คำกริยาแสดงการกระทำ (Action Verbs)" ที่ชัดเจน เพื่อสั่งการ AI โดยตรง เช่น   แทนที่จะพูดว่า: "ข้อมูลเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า"   ให้เปลี่ยนเป็น: "วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ปี 2025 โดยเปรียบเทียบในรูปแบบตารางระหว่างแบรนด์ A และ แบรนด์ B ในประเด็นเรื่อง ราคา, ระยะทางที่วิ่งได้, และค่าบำรุงรักษา"


เทคนิคการใช้ Action Verb เพื่อผลลัพธ์ที่เฉียบคม


สร้าง (Generate): สร้างไอเดีย, สร้างหัวข้อ, สร้างสโลแกน  

เขียน (Write): เขียนบทความ, เขียนอีเมล, เขียนสคริปต์  

สรุป (Summarize): สรุปเนื้อหาจากบทความยาวๆ, สรุปประเด็นสำคัญจากการประชุม  

แปล (Translate): แปลภาษาจากไทยเป็นอังกฤษในโทนที่เป็นทางการ  

วิเคราะห์ (Analyze): วิเคราะห์ข้อมูล, วิเคราะห์คู่แข่ง, วิเคราะห์แนวโน้ม  

เปรียบเทียบ (Compare): เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์, เปรียบเทียบคุณสมบัติ  

จัดลำดับ (List/Rank): จัดลำดับขั้นตอน, จัดอันดับความสำคัญ  

อธิบาย (Explain): อธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายเหมือนเล่านิทาน


Case Study: ประยุกต์ใช้ ERA Framework กับงานจริง (ตัวอย่างที่เห็นภาพชัด)


เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เราลองมาดูตัวอย่างการนำ ERA Framework ไปปรับใช้กับสถานการณ์จริงกันครับ


ตัวอย่างที่ 1: การเขียนอีเมลธุรกิจแบบมืออาชีพ


Prompt แบบเก่า (ไม่ได้ใช้ ERA): "ช่วยเขียนอีเมลหาลูกค้าหน่อย เรื่องขอเลื่อนนัด"  ผลลัพธ์ที่อาจได้: อาจจะได้อีเมลที่ภาษาดูแข็งๆ ขาดความเป็นมืออาชีพ และอาจจะไม่ครบถ้วน  


Prompt แบบใหม่ (ใช้ ERA Framework):  

(E) Expectation: "ต้องการอีเมลภาษาไทย 1 ฉบับ สำหรับส่งให้ลูกค้าเพื่อขอเลื่อนวันประชุม ใช้ภาษาที่เป็นทางการ สุภาพ แต่ยังคงความเป็นมิตร"  

(R) Role: "สวมบทบาทเป็นผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relations Manager) ที่มีประสบการณ์สูง"  *

(A) Action: "ให้เขียนอีเมลแจ้งขอเลื่อนนัดประชุมจากเดิมวันอังคารที่ 10 เวลา 14:00 น. เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉิน โดยให้เสนอวันและเวลาใหม่ 3 ตัวเลือกคือ วันพุธที่ 11 เวลา 10:00 น., วันพฤหัสบดีที่ 12 เวลา 14:00 น., หรือวันศุกร์ที่ 13 เวลา 10:00 น. พร้อมทั้งกล่าวขอโทษในความไม่สะดวก และลงท้ายด้วยการแสดงความขอบคุณที่ลูกค้าเข้าใจ"  

ผลลัพธ์ที่ได้: คุณจะได้ร่างอีเมลที่สมบูรณ์แบบ สามารถนำไปปรับแก้เล็กน้อยและส่งให้ลูกค้าได้ทันที!


ตัวอย่างที่ 2: การสร้างสรรค์สคริปต์วิดีโอสำหรับ TikTok


Prompt แบบเก่า (ไม่ได้ใช้ ERA): "คิดสคริปต์ TikTok เกี่ยวกับวิธีลดน้ำหนัก"  

ผลลัพธ์ที่อาจได้: ไอเดียที่กว้างมาก อาจจะเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเบื่อ หรือไม่เหมาะกับแพลตฟอร์ม TikTok  

Prompt แบบใหม่ (ใช้ ERA Framework):  


(E) Expectation: "ต้องการไอเดียและสคริปต์วิดีโอสั้นสำหรับ TikTok ความยาวไม่เกิน 60 วินาที จำนวน 3 คลิป วิดีโอต้องสนุก เข้าใจง่าย และกระตุ้นให้คนอยากทำตาม กลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มดูแลตัวเอง"  


(R) Role: "สวมบทบาทเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนสและนักโภชนาการสายฮา ที่เป็นขวัญใจชาวเน็ต"  *


(A) Action: "สร้างสรรค์สคริปต์วิดีโอ 3 คลิปในหัวข้อ '3 ทริคง่ายๆ เปลี่ยนพุงให้เป็นซิกแพคใน 30 วัน' โดยแต่ละคลิปให้แบ่งเป็น 1 ทริค พร้อมอธิบายวิธีการทำแบบสั้นๆ กระชับ และใส่มุกตลกหรือท่าเต้นประกอบเข้าไปในสคริปต์ด้วย"  ผลลัพธ์ที่ได้: คุณจะได้สคริปต์ที่พร้อมถ่ายทำ มีทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์และลูกเล่นที่น่าสนใจ เหมาะกับจริตของคนเล่น TikTok อย่างแน่นอน


เคล็ดลับพิเศษ: เทคนิค "Chain of Thought" และ "Few-Shot Prompting" ต่อยอด ERA Framework


เมื่อคุณใช้ ERA Framework จนคล่องแล้ว ลองเพิ่ม 2 เทคนิคนี้เข้าไปเพื่อทำให้ผลลัพธ์แอดวานซ์ขึ้นไปอีกระดับครับ  


Chain of Thought (CoT) Prompting: คือการสั่งให้ AI "คิดดังๆ" หรือแสดงขั้นตอนการคิดออกมาทีละสเต็ปก่อนที่จะให้คำตอบสุดท้าย วิธีนี้จะช่วยให้ AI สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น เช่น คุณอาจจะเพิ่มประโยคว่า "Let's think step by step." หรือ "อธิบายเหตุผลและขั้นตอนการคิดของคุณมาก่อนที่จะสรุปคำตอบ" เข้าไปใน Prompt  


Few-Shot Prompting: คือการให้ "ตัวอย่าง" ที่ดีสัก 2-3 ตัวอย่างให้ AI ดูก่อนที่จะสั่งงานจริง เพื่อให้ AI เข้าใจรูปแบบและสไตล์ที่เราต้องการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ถ้าคุณอยากให้ AI เขียนบทกวี คุณอาจจะยกตัวอย่างบทกวีที่คุณชอบ 2-3 บทให้ AI ดูก่อน แล้วค่อยสั่งให้มันเขียนในสไตล์คล้ายๆ กัน


ข้อควรระวังและข้อจำกัด: อย่าเชื่อ ChatGPT 100%


แม้ว่า ChatGPT และ ERA Framework จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอคือ AI ก็ยังเป็น AI ครับ มันไม่ได้มีความเข้าใจในโลกแห่งความเป็นจริงเท่ามนุษย์ และข้อมูลที่มันมีก็อาจจะไม่อัปเดตล่าสุดเสมอไป  


ตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Check): โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นตัวเลข สถิติ ชื่อบุคคล หรือเหตุการณ์สำคัญ ควรนำไปตรวจสอบกับแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออีกครั้งเสมอ  


ใส่ความเป็นมนุษย์ (Human Touch): ผลงานที่ AI สร้างขึ้นมาคือ "ร่างแรก" ที่ดีที่สุด อย่าลืมที่จะใส่ความคิดเห็น มุมมอง และความเป็นตัวตนของคุณเข้าไป เพื่อให้งานนั้นมีเอกลักษณ์และสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง  * เรื่องลิขสิทธิ์: ระวังการใช้ AI สร้างสรรค์ผลงานที่อาจไปละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ควรใช้เป็นเครื่องมือในการหาไอเดียและสร้างโครงร่างจะปลอดภัยที่สุด


บทสรุป: เปลี่ยนคุณให้เป็น "นักเสกคำตอบ" ด้วย ERA Framework


มาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะเห็นภาพแล้วว่าการจะดึงศักยภาพของ ChatGPT ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่เราปรับเปลี่ยนมุมมองจากการเป็น "ผู้ถาม" มาเป็น "ผู้สั่งการ" ที่ชัดเจนและมีหลักการ ด้วย ERA Framework (Expectation, Role, Action) ที่เป็นเหมือนเข็มทิศนำทาง เราก็สามารถควบคุมและกำหนดทิศทางของคำตอบให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้อย่างน่าอัศจรรย์  เลิกเสียเวลากับคำตอบที่ไม่ตรงใจ แล้วเริ่มลงทุนกับการสร้าง Prompt ที่มีคุณภาพตั้งแต่วันนี้ ลองนำ ERA Framework ไปปรับใช้กับงานของคุณดูนะครับ แล้วคุณจะค้นพบว่าผู้ช่วย AI ที่ชื่อ ChatGPT คนนี้ สามารถเป็นได้มากกว่าที่คุณเคยคิด และเป็นเครื่องมือทุ่นแรงที่ช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้น เก่งขึ้น และสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวครับ!


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)


1. ERA Framework ใช้ได้กับ AI ตัวอื่นนอกจาก ChatGPT หรือไม่?  ได้แน่นอนครับ! หลักการของ ERA เป็นหลักการพื้นฐานในการสื่อสารกับ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับ AI Chatbot หรือ Generative AI ตัวอื่นๆ เช่น Gemini, Claude, หรือ Midjourney (ในส่วนของการอธิบายภาพที่ต้องการ) ได้เลย  


2. ถ้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ จะใช้ ERA Framework ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่?  ได้อย่างแน่นอนครับ คุณสามารถใช้ ERA Framework เป็นภาษาไทยได้เลย ChatGPT มีความสามารถในการเข้าใจและประมวลผลภาษาไทยได้ดีมาก การใช้ภาษาที่เราถนัดที่สุดจะช่วยให้เราสามารถอธิบายความคาดหวัง บทบาท และคำสั่งได้ละเอียดและเป็นธรรมชาติมากที่สุด  


3. จำเป็นต้องใช้ครบทั้ง E, R, และ A ทุกครั้งหรือไม่?  ไม่จำเป็นเสมอไปครับ ERA เป็น "เฟรมเวิร์ก" หรือ "กรอบความคิด" เพื่อช่วยให้ Prompt ของเราสมบูรณ์ขึ้น ในบางกรณีที่คำสั่งไม่ซับซ้อน เช่น "ช่วยแปลประโยคนี้เป็นภาษาอังกฤษหน่อย" อาจจะไม่จำเป็นต้องกำหนด Role ก็ได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว การพยายามนึกถึงทั้ง 3 องค์ประกอบจะช่วยให้เราไม่พลาดรายละเอียดที่สำคัญและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเสมอ  


4. มีเทคนิคเพิ่มเติมในการทำให้คำสั่ง (Prompt) ดีขึ้นอีกไหม?  มีครับ! นอกจาก ERA แล้ว ลองใช้เทคนิค "ให้บริบท (Context)" เพิ่มเติมเข้าไป เช่น บอกเล่าสถานการณ์สมมติ หรือให้ข้อมูลเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับคำถามของคุณ ยิ่ง AI มีบริบทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจความต้องการของเราได้ลึกซึ้งขึ้นเท่านั้น เช่น "ฉันกำลังจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ สไตล์มินิมอล ช่วยคิดชื่อร้านให้หน่อย" จะดีกว่าแค่ "คิดชื่อร้านกาแฟ"  


5. ถ้าทำตาม ERA Framework แล้วยังได้คำตอบไม่ถูกใจ ควรทำอย่างไร?  

อย่าเพิ่งท้อครับ! การสร้าง Prompt ก็เหมือนการฝึกทักษะอย่างหนึ่ง หากผลลัพธ์แรกยังไม่เป็นที่พอใจ ให้ลอง "ปรับ" Prompt ของคุณดู อาจจะลองเปลี่ยน Role ให้เฉพาะเจาะจงขึ้น, เพิ่มรายละเอียดใน Expectation, หรือใช้ Action Verb ที่ชัดเจนกว่าเดิม หรือลองใช้เทคนิค "คุยต่อ" กับ AI โดยบอกว่า "คำตอบนี้ดีแล้ว แต่ช่วยปรับแก้ในส่วนของ...ให้หน่อย" การสื่อสารต่อเนื่องจะช่วยให้ AI ค่อยๆ เรียนรู้และปรับผลลัพธ์ให้ตรงใจเรามากขึ้นเรื่อยๆ ครับ



-----------------------------------------------------------------



ree

🤖🔥 คอร์ส AI Lead Generation

หยุดเผางบโฆษณากับ Lead ไร้คุณภาพ! ให้ AI คัดลูกค้าให้แม่นยำ


เทคนิคที่สอนประยุกต์ใช้ได้ทั้งกับธุรกิจ B2B และ B2C

(สอนครบทั้งวิธีการหา Lead แบบดั้งเดิมและแบบ AI Driven)


📌 เจาะกลุ่มเป้าหมายตรงจุด ลดต้นทุน เพิ่มโอกาสปิดการขาย! 

✋🏻 เลิกเสียเงินให้ลีดไม่มีคุณภาพ! (ทักแล้วไม่ซื้อ ทักผี) ใช้ AI คัดกรองลูกค้าให้อัตโนมัติตั้งแต่ต้นทาง!


🎯 สิ่งที่คุณจะได้จากคอร์สนี้:


  • Scraping Tools & Martech ค้นหา Leads (B2B) ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณ

  • AI Automation สร้าง Lead magnet คุณภาพ (E-book, Newsletter, โปรโมชั่น) ได้รวดเร็ว เหมาะกับ B2C สินค้าราคาสูง เพื่อให้ได้ข้อมูลลูกค้าเร็วขึ้น

  • Generative AI วิเคราะห์และจัดกลุ่มลีดอัตโนมัติ (รองรับ ChatGPT, Deepseek, Claude)

  • Automation ค้นหาเบอร์ธุรกิจ + Email ในคลิกเดียว พร้อมส่งเข้า Google Sheet อัตโนมัติ

  • Personalized Email Automation AI เขียนอีเมลเฉพาะเจาะจง ลดโอกาสเป็น Spam

  • คลิกเดียว ได้ Website และ Social Media ทั้งหมดของลูกค้า วิเคราะห์ง่าย เสนอขายตรงจุด

  • พื้นฐาน AI Automation ลดการทำงานซ้ำซ้อน ประยุกต์ใช้ได้กับทุกงาน


🔍 สิ่งที่ AI ของเราทำได้:


  • ✅ ค้นหาข้อมูลสำคัญของบริษัทเป้าหมายแม่นยำ

  • ✅ รวบรวม ชื่อบริษัท ที่อยู่ เบอร์โทร และช่องทางโซเชียล

  • ✅ เข้าถึงข้อมูลสำคัญรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเอง


🚀 ประโยชน์ของ AI Agent:


  • 🦾 รู้จักกลุ่มเป้าหมายลึกซึ้งก่อนติดต่อ

  • 🦾 ได้ Lead คุณภาพสูงพร้อมใช้งาน

  • 🦾 ลดงานที่ซ้ำซ้อนด้วย AI Automation

  • 🦾 สร้างระบบการหาลูกค้าแบบ Data-Driven แม่นยำ

  • 🦾 ลดต้นทุนโฆษณา เพิ่ม ROI สูง

  • 🦾 เพิ่มโอกาสปิดการขายจากลีดคุณภาพ


📌 คอร์สนี้เหมาะกับใคร?


  • ✅ เจ้าของธุรกิจที่อยากขยายฐานลูกค้ากำลังซื้อสูง

  • ✅ นักการตลาดที่ต้องการใช้ระบบอัตโนมัติเร่งหาลูกค้า

  • ✅ ผู้ประกอบการที่อยากลดต้นทุนการตลาดด้วยข้อมูลคุณภาพ


🎁 โบนัสพิเศษแถมฟรี!!


คอร์ส Traditional Lead Generation หา Lead แบบดั้งเดิม

  • สอนยิงแอดครบ 4 แพลตฟอร์ม (Facebook, TikTok, Google, LINE)

  • สอนสร้างเว็บไซต์ด้วย No-code เพื่อทำ Email Marketing


สรุป: คุณจะได้เรียนวิธีหา Lead ทั้งแบบ Traditional และ AI Driven


🔥 ให้ AI คัดกรองลีดแม่นยำ ลดค่าโฆษณา เพิ่ม ROI

📌 คอร์สวิดีโอเรียนได้ตลอดชีพ มีอัปเดตใหม่ตลอดเวลา

💰 ราคา: 9,900 บาท (Lifetime access)

📩 อยากให้ AI หาและคัดลูกค้าให้คุณ? ทักมาเลย!

👇 ลูกค้าและงานอบรมที่ผ่านมา: https://www.marketingexpert.biz/our-customers


Comments


455052278_427294476991947_7797763956184785942_n.png
bottom of page