top of page

การสร้าง Lead เพื่อธุรกิจ B2B: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนการสร้างลีดที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ B2B ในปัจจุบัน ด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง


การสร้าง Lead เพื่อธุรกิจ B2B: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนการสร้างลีดที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ B2B ในปัจจุบัน ด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง

การสร้างลีดเพื่อธุรกิจ B2B : คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน


การสร้างลีดที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ B2B ในปัจจุบัน ด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง ธุรกิจของเราสามารถสร้างความแตกต่าง เชื่อมโยงกับลูกค้าที่มีศักยภาพ และนำพวกเขาผ่านเส้นทางการซื้อได้อย่างราบรื่น บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจทุกขั้นตอนของการสร้างลีดอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงกลยุทธ์ขั้นสูง


ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างลีด


ลีดคืออะไร?


ลีด หมายถึง บุคคลที่แสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการของบริษัทเรา แต่อาจยังไม่พร้อมที่จะซื้อในทันที ความสนใจนี้แสดงออกผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น การให้ชื่อและอีเมลเพื่อรับเนื้อหาที่มีคุณค่า

สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรสับสนระหว่างลีดกับโอกาสทางการขาย (Prospect) ความแตกต่างอยู่ที่ลีดเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพที่ต้องได้รับการคัดกรองก่อนจะกลายเป็นโอกาสทางการขาย (ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเหมาะสมกับธุรกิจของเราและอาจต้องการทำธุรกิจกับเราในอนาคต)


ประเภทของลีด


เราสามารถแบ่งลีดออกเป็น 4 ประเภทตามระดับความสนใจ:


  1. ลีดที่ผ่านการคัดกรองทางการตลาด (MQL): ลีดเหล่านี้แสดงความสนใจผ่านกิจกรรมทางการตลาด เช่น การดาวน์โหลดเอกสาร การเข้าร่วมเวบินาร์ หรือการกรอกแบบฟอร์มติดต่อ พวกเขามีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้ามากกว่ารายชื่อติดต่อทั่วไป

  2. ลีดที่ผ่านการคัดกรองทางการขาย (SQL): ลีดเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบโดยทีมขายและพร้อมสำหรับการติดต่อโดยตรง พวกเขามักแสดงความตั้งใจที่จะซื้อและมีลักษณะตรงกับลูกค้าในอุดมคติ

  3. ลีดที่ผ่านการคัดกรองด้านผลิตภัณฑ์ (PQL): ลีดเหล่านี้เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา มักผ่านการทดลองใช้ฟรีหรือรูปแบบฟรีเมียม พวกเขาแสดงพฤติกรรมที่บ่งชี้ว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่จ่ายเงิน เช่น การใช้งานบ่อยหรือการใช้ฟีเจอร์พรีเมียม

  4. ลีดที่ผ่านการคัดกรองด้านบริการ: ลีดเหล่านี้แสดงความสนใจในบริการของบริษัท มักผ่านการปรึกษาเบื้องต้นหรือการขอข้อมูลเพิ่มเติม


กระบวนการสร้างลีดทำงานอย่างไร?


การสร้างลีดหมายถึงการดึงดูดและสร้างความผูกพันกับกลุ่มเป้าหมายจนถึงจุดที่พวกเขาต้องการให้ข้อมูลส่วนตัว กระบวนการนี้ประกอบด้วยการนำทราฟฟิกที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมายังเว็บไซต์ การเก็บข้อมูลผู้เข้าชม และการดูแลผู้ที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติ นี่เป็นขั้นตอนแรกในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับลูกค้าที่มีศักยภาพ


การสร้างลีดสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก:


การสร้างลีดแบบอินบาวด์ (Inbound Lead Generation)


การสร้างลีดแบบอินบาวด์ดึงดูดลูกค้าที่มีศักยภาพด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่าที่ตรงกับความต้องการและความสนใจของพวกเขา แทนที่จะใช้วิธีแบบเดิมเช่นการโทรหาลูกค้าโดยตรง (Cold Call) วิธีนี้ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น บล็อก สื่อสังคมออนไลน์ SEO และการตลาดเชิงเนื้อหาเพื่อดึงดูดผู้เข้าชม สร้างความผูกพัน และสร้างความไว้วางใจ


ด้วยการตอบสนองต่อจุดปวดและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ธุรกิจสามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลีดผ่านการเรียกร้องให้ลงมือทำ (Call-to-Action) หน้าแลนดิ้งเพจ และแบบฟอร์มเก็บข้อมูลลีด วิธีนี้ช่วยให้ได้ลีดที่มีคุณภาพและดูแลพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้าที่ภักดีได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน


การสร้างลีดแบบเอาท์บาวด์ (Outbound Lead Generation)


การสร้างลีดแบบเอาท์บาวด์เป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่ธุรกิจเริ่มต้นติดต่อกับลูกค้าที่มีศักยภาพผ่านการเข้าถึงโดยตรง วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการระบุลูกค้าเป้าหมายและติดต่อพวกเขาผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การโทรศัพท์ อีเมล จดหมายตรง และการโฆษณา


เป้าหมายคือการดึงดูดความสนใจของลูกค้าเหล่านี้และเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นลีด เพื่อนำพวกเขาเข้าสู่กระบวนการขาย การสร้างลีดแบบเอาท์บาวด์อาศัยความพยายามที่มีเป้าหมายชัดเจนในการค้นหาและสร้างความผูกพันกับลูกค้าที่มีศักยภาพที่อาจไม่ได้แสวงหาผลิตภัณฑ์หรือบริการอย่างจริงจัง

แม้ว่าอาจจะดูรุกล้ำมากกว่า แต่การสร้างลีดแบบเอาท์บาวด์สามารถสร้างลีดได้อย่างรวดเร็วและสร้างผลลัพธ์ทันที ทำให้เป็นองค์ประกอบที่มีคุณค่าของกลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุม


ทำไมการสร้างลีดจึงสำคัญ?


กว่า 30% ของการขาย B2B ใช้เวลาหนึ่งถึงสามเดือนในการปิดการขาย การสร้างลีดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของ B2B เหตุผลสำคัญคือ "วงจรการขาย" (Sales Cycle)


เหตุใดจึงสำคัญ? การเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มีศักยภาพตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการนี้ช่วยให้เราสามารถมีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจของพวกเขาได้ และในยุคที่ผู้ซื้อต้องเผชิญกับสิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากกว่าที่เคย เราจำเป็นต้องมีอิทธิพลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


นอกจากนี้ เมื่อเราเก็บข้อมูลของลีดแล้ว เราสามารถคัดกรองพวกเขาได้ นั่นหมายความว่าเราสามารถระบุได้ว่าลีดใดที่มีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของเรา และมุ่งเน้นเวลาและพลังงานของเราในการแปลงลีดเหล่านั้น


หากเราสามารถสร้างระบบการสร้างลีดที่ให้ลีดทางธุรกิจที่มีคุณภาพสูงและขยายขนาดได้ แสดงว่าเราได้พบกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับองค์กรของเรา


กระบวนการสร้างลีด (Lead Generation Funnel)


อาจดูเหมือนว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพของเรามีวิธีการซื้อที่ค่อนข้างไม่มีแบบแผน บางครั้งพวกเขาตัดสินใจซื้อ บางครั้งก็ไม่ซื้อ แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น แม้ว่าแต่ละคนจะมีวิธีการซื้อที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังมีกระบวนการที่นำไปสู่การตัดสินใจซื้อของพวกเขา


นักการตลาดได้พัฒนาแนวคิดเรื่องกรวยการสร้างลีด (Lead Generation Funnel) เพื่อช่วยให้มองเห็นภาพรวมของกระบวนการทั้งหมดและสามารถมีอิทธิพลต่อกระบวนการนั้นได้


ธุรกิจ B2B จำเป็นต้องมีกรวยการสร้างลีดเพราะในหลายกรณี การซื้อต้องใช้เวลานานในการพัฒนา จากการวิจัยพบว่า 48% ของบริษัทกล่าวว่าลีดต้องใช้วงจรการขายที่ยาวนานก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

ธุรกิจของเราจำเป็นต้องมีวิธีการที่อดทนและมั่นคงต่อการขาย แทนที่จะมุ่งเน้นการขายทันที เช่นที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท B2C นักการตลาด B2B จำเป็นต้องพัฒนาวิธีการระยะยาวสำหรับกระบวนการขาย ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ดูแลพวกเขาอย่างเหมาะสม และส่งมอบให้กับทีมขายเมื่อพวกเขาพร้อมที่จะซื้อ


น่าเสียดายที่ 68% ของบริษัทยังไม่ได้ระบุกรวยการสร้างลีดของตนเอง ในส่วนนี้ เราจะแสดงให้เห็นว่ากรวยการสร้างลีดทางธุรกิจคืออะไร วิธีการกำหนด และวิธีการสร้างกรวยของเรา


ree

กรวยการสร้างลีดคืออะไร?


กรวยการสร้างลีดแสดงถึงเส้นทางที่บุคคลเดินทางตั้งแต่ช่วงเวลาที่พวกเขาให้ข้อมูลกับเราจนถึงช่วงเวลาที่พวกเขาตัดสินใจซื้อ การกำหนดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะ 50% ของลีดที่ผ่านการคัดกรองยังไม่พร้อมที่จะซื้อในการติดต่อครั้งแรก กรวยของเราให้แผนที่เพื่อนำพวกเขาไปสู่การตัดสินใจซื้อ

แสดงเป็นรูปกรวยเพราะในแต่ละขั้นตอน จะมีคนน้อยลงที่ตรงตามเกณฑ์ที่จำเป็นในการทำธุรกิจกับบริษัทของเรา ในที่สุด มีเพียงเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยของลีดเริ่มต้นเท่านั้นที่จะกลายเป็นลูกค้า


ความสำคัญของเนื้อหาในกรวยการสร้างลีด


เนื้อหาเป็นตัวแปรสำคัญตลอดกรวยการสร้างลีด ไม่ว่าจะเป็นบล็อก อีบุ๊ค หรือกรณีศึกษา เนื้อหาของเราจะเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนลีดให้เป็นลูกค้าที่มีโอกาสซื้อและลูกค้าจริง


กุญแจสำคัญอยู่ที่การแบ่งกลุ่ม เราใช้เนื้อหาเพื่อระบุว่าใครอยู่ในกระบวนการซื้อใด แล้วให้เนื้อหาที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งตรงกับความต้องการของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาก้าวไปสู่ขั้นตอนต่อไป


ด้วยระบบการตลาดอัตโนมัติและการ Retargeting เราสามารถส่งมอบเนื้อหาที่ทันท่วงทีซึ่งแก้ปัญหาของลีดได้ ด้วยเนื้อหาที่มีส่วนร่วมแต่ละชิ้น ลีดของเราจะก้าวหน้าผ่านกรวยไปสู่การซื้อ


ต่อไปนี้เป็นประเภทของเนื้อหาที่เราสามารถใช้ในแต่ละขั้นตอน:


ส่วนบนของกรวย (TOFU - Top of the Funnel)


กรวยการสร้างลีดเริ่มต้นเมื่อกลุ่มเป้าหมายของเราเข้าชมเว็บไซต์ของเราเป็นครั้งแรก ส่วนบนของกรวยการสร้างลีดควรมุ่งเน้นการดึงดูดกลุ่มผู้ชมที่กว้างของลูกค้าที่มีศักยภาพ เป้าหมายคือการสร้างการรับรู้และความไว้วางใจโดยไม่เน้นที่ผลิตภัณฑ์ของเรา

มีกลยุทธ์การตลาดมากมายที่เราสามารถใช้ประโยชน์เพื่อดึงดูดผู้คนในขั้นตอนนี้ของกรวย ได้แก่:


  • บล็อก

  • คู่มือ

  • สื่อสังคมออนไลน์

  • พอดแคสต์

  • วิดีโอ


เราควรมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าเพื่อสร้างการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย เราต้องการให้ผู้อ่านรู้สึกไว้วางใจเพียงพอที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา


ส่วนกลางของกรวย (MOFU - Middle of the Funnel)


ส่วนกลางของกรวยเป็นขั้นตอนที่ผู้เข้าชมพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นลีด ในขณะที่ขั้นตอนก่อนหน้าของกรวยสร้างการเชื่อมต่อส่วนบุคคลกับผู้เข้าชม นี่คือขั้นตอนที่เราใช้ความไว้วางใจนั้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ


เพื่อให้ได้ข้อมูลส่วนตัวของผู้เข้าชม เราต้องนำเสนอเนื้อหาที่มีการล็อค (Gated Content) ซึ่งแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการของพวกเขา หลังจากเก็บข้อมูลของพวกเขาแล้ว เราสามารถสร้างความผูกพันและให้ความรู้แก่ลีดของเราต่อไป ในที่สุดก็จะสร้างข้อเสนอของเราให้เป็นทางออกสำหรับปัญหาของพวกเขา


เราควรใช้การวิจัยตลาดและค้นหาจุดปวดที่ใหญ่พอที่จะสร้างความสนใจให้กับผู้อ่านของเรา จากนั้นสร้างเนื้อหาที่ตอบสนองโดยตรง ได้แก่:


  • อีบุ๊ค

  • เอกสารทางวิชาการ (White Paper)

  • เวบินาร์

  • จดหมายข่าว

  • เครื่องมือออนไลน์


เนื้อหาที่เลือกจะขึ้นอยู่กับทรัพยากร กลุ่มเป้าหมาย และข้อเสนอของเรา


ส่วนล่างของกรวย (BOFU - Bottom of the Funnel)


เมื่อลีดมาถึงส่วนล่างของกรวยการสร้างลีดของเรา พวกเขาจะกลายเป็นลูกค้าที่มีโอกาสซื้อ (Prospect) พวกเขาได้รับการดูแลเกี่ยวกับทางออกที่เป็นไปได้สำหรับปัญหาของพวกเขา ซึ่งควรเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา ตอนนี้เราเป็นแหล่งข้อมูลหลักของพวกเขาแล้ว ถึงเวลาที่จะขาย


เนื้อหาส่วนล่างของกรวยได้รับการปรับแต่งเพื่อเปลี่ยนลูกค้าที่มีโอกาสซื้อให้เป็นผู้ซื้อ พวกเขาเกือบถึงจุดนั้นแล้ว เราเพียงแค่ต้องช่วยให้พวกเขาเอาชนะข้อโต้แย้งได้

ประเภทของเนื้อหาที่เราสามารถใช้ที่ส่วนล่างของกรวย ได้แก่:


  • กรณีศึกษา

  • การเปรียบเทียบ

  • คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  • การสาธิต

  • รีวิว


ในขั้นตอนนี้ พวกเขารู้จักเรา ไว้วางใจเรา และชอบเรามากพอที่จะพิจารณาทำธุรกิจกับเรา สิ่งที่พวกเขาต้องการตอนนี้คือความมั่นใจว่าการตัดสินใจซื้อของพวกเขาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

เนื้อหาแต่ละประเภทช่วยลดข้อโต้แย้งและจูงใจให้ลูกค้าที่มีโอกาสซื้อเปลี่ยนเป็นลูกค้า


วิธีการสร้างลีด


หลังจากที่เราได้เรียนรู้พื้นฐานของกลยุทธ์การสร้างลีดแล้ว ถึงเวลาสำหรับสิ่งที่น่าตื่นเต้น—การสร้างลีด ในตอนแรก อาจดูน่ากลัวเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวล คุณไม่ได้อยู่คนเดียว 63% ของนักการตลาดกล่าวว่าการสร้างทราฟฟิกและลีดเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนกล่าวว่าความพยายามในการสร้างลีดของพวกเขามีประสิทธิภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น กระบวนการทั้งหมดของการสร้างลีดสามารถสรุปได้ในห้าขั้นตอนง่ายๆ:

  1. เข้าใจโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติ (Buyer Persona)

  2. สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ

  3. ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง

  4. เก็บข้อมูลของพวกเขา

  5. คัดกรองลีดของคุณ


เข้าใจโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติ (Buyer Personas)


ตลอดกรวยการสร้างลีด เนื้อหามีความสำคัญในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลีดและลีดให้เป็นลูกค้า แต่เนื้อหาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจูงใจให้ผู้คนให้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาได้ เนื้อหาของเราจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการหรือปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขที่พวกเขามี

หากเราสามารถระบุปัญหาของผู้เข้าชมและช่วยแก้ไขผ่านเนื้อหาของเรา เราจะมีพื้นฐานสำหรับกลยุทธ์การสร้างลีดที่ประสบความสำเร็จ

คำถามคือ: เราจะระบุและจัดการกับปัญหาที่ผู้เข้าชมของเราเผชิญได้อย่างไร?


วิธีใช้โปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติเพื่อการสร้างลีด


โปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติหรือ Personas เป็นคำศัพท์ทางการตลาดที่อธิบายถึงรูปแบบในอุดมคติของลูกค้าของเรา เราสร้างโปรไฟล์เหล่านี้โดยใช้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากลูกค้าปัจจุบันหรือลูกค้าที่ต้องการ นั่นหมายความว่าเราสามารถสร้างโปรไฟล์ได้ทั้งจากลูกค้าของเราหรือจากลูกค้าที่เราต้องการดึงดูดแต่ยังไม่ได้ดึงดูด


เป้าหมายของโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติคือการระบุลักษณะทั่วไปของผู้ซื้อและทำให้ทีมการตลาดของเรามุ่งเน้นที่ความต้องการของพวกเขา ในทางปฏิบัติ เราสามารถใช้ข้อมูลสองประเภทเพื่อสร้างโปรไฟล์เหล่านี้

ข้อมูลเชิงปริมาณ ช่วยให้เราเห็นตัวเลขที่ชัดเจนของลูกค้า ได้แก่:


  • อายุ

  • เพศ

  • ตำแหน่งงาน

  • สถานที่

  • อุตสาหกรรม


ข้อมูลประเภทนี้สามารถพบได้ผ่านการวิเคราะห์เว็บไซต์ (เช่น Google Analytics) และซอฟต์แวร์ระบุผู้เข้าชม


ข้อมูลเชิงคุณภาพ ในทางกลับกัน ช่วยให้เราเพิ่มความลึกให้กับโปรไฟล์ของเรา เพิ่มพารามิเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับพวกเขา ได้แก่:

  • คำที่พวกเขาใช้เพื่ออธิบายปัญหาของพวกเขา

  • ความท้าทายที่พวกเขาเผชิญในชีวิตประจำวัน

  • ความปรารถนาที่จะปรับปรุงสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา


คำตอบเหล่านี้อาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างการรู้และเข้าใจโปรไฟล์ของเรา อย่างแรกเป็นเชิงตรรกะ ในขณะที่อย่างหลังเป็นเชิงอารมณ์ เราต้องการทั้งสองด้านเพื่อสร้างโปรไฟล์ที่มีประโยชน์และปฏิบัติได้


เราสามารถดึงข้อมูลเชิงคุณภาพผ่านการสำรวจและการสัมภาษณ์ ที่สำคัญที่สุด เราสามารถใช้ช่องทางการสนับสนุนลูกค้า การพัฒนาธุรกิจ และการขายที่มีอยู่เพื่อเข้าใจการแสดงออก คำพูด และความคิดที่แท้จริงของผู้ซื้อของเรา


เมื่อเราสร้างโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติแล้ว เราควรเข้าใจความท้าทายหลักของกลุ่มเป้าหมายและที่สำคัญกว่านั้นคือวิธีที่บริษัทของเราสามารถวางตำแหน่งตัวเองเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น


วิธีใช้โปรไฟล์ลูกค้าในการสร้างเนื้อหา


หากมีความท้าทายหนึ่งที่นักการตลาดทุกคนเผชิญ นั่นคือการขาดการปรับให้เข้ากับบุคคลในการสื่อสารกับลูกค้า ผู้บริโภคเบื่อหน่ายที่จะถูกถล่มด้วยข้อความที่ไร้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น 81% ต้องการให้แบรนด์เข้าใจและรู้วิธีการเข้าหาพวกเขา น่าเสียดายที่ 83% ของนักการตลาดดิ้นรนกับการสร้างเนื้อหาที่ปรับให้เข้ากับบุคคลเพราะพวกเขาไม่รู้จักลูกค้าของตน


โปรไฟล์ลูกค้าช่วยให้เราสร้างเนื้อหาที่เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แทนที่จะสร้างเนื้อหาแบบเดียวกันทั้งหมดสำหรับแต่ละขั้นตอนของกรวย เราสามารถสร้างเนื้อหาที่ปรับให้เข้ากับบุคคลมากขึ้น


นี่คือวิธีที่เราสามารถสร้างโปรไฟล์และใช้เพื่อแนะนำการสร้างเนื้อหาของเรา:


ขั้นตอนที่ 1: แบ่งเนื้อหาตามโปรไฟล์ลูกค้า


ตามที่อธิบายในบทก่อนหน้า เนื้อหาที่เราสร้างสำหรับแต่ละขั้นตอน—TOFU, MOFU, และ BOFU—จะเปลี่ยนแปลงในความยาว ประเภท และระดับรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลที่นำมาจากโปรไฟล์ของเราด้วย นี่คือวิธีที่เราปรับให้เข้ากับบุคคลเพื่อสร้างข้อความที่มีผลกระทบมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากโปรไฟล์หนึ่งของเรามีงบประมาณน้อย ปัญหาสำคัญที่อาจชะลอความก้าวหน้าผ่านกรวยของเราคือความกังวลเรื่องราคา พวกเขาอาจชอบผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา แต่คิดว่ามันแพงเกินไป เป้าหมายของเนื้อหาของเราสำหรับผู้ซื้อรายนี้คือเน้นคุณค่าและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่อาจเกิดขึ้น พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องหากไม่เข้าใจบริบทเบื้องหลังราคา


ขั้นตอนที่ 2: สร้างเนื้อหาสำหรับแต่ละขั้นตอนของกรวย


เพื่อให้ผู้ซื้อที่คำนึงถึงราคาเอาชนะความกังวลของพวกเขา เราต้องสร้างเนื้อหาที่ถูกต้องสำหรับพวกเขาเมื่อตัดสินใจ เราต้องเปลี่ยนพวกเขาหลังจากที่เราดึงดูดพวกเขาด้วยบทความบล็อกที่น่าสนใจหรือเก็บข้อมูลของพวกเขาด้วยอีบุ๊ค


นี่อาจหมายถึงการสร้างบทความเปรียบเทียบ การเน้นระดับผลิตภัณฑ์ หรือการให้เครื่องคำนวณ ROI เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาไม่ก้าวหน้าจากขั้นตอนหนึ่งของกรวยไปสู่ขั้นตอนต่อไปและสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้


ขั้นตอนที่ 3: ส่งมอบเนื้อหาในเวลาที่เหมาะสม


เมื่อเข้าใจเนื้อหาที่เราต้องสร้างสำหรับโปรไฟล์ลูกค้าแต่ละรายแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการส่งมอบเนื้อหานั้นในเวลาที่เหมาะสม การส่งมอบในเวลาที่เหมาะสมหมายถึงการส่งเนื้อหาที่ถูกต้องให้กับบุคคลที่ถูกต้องในเวลาที่พวกเขาต้องการมากที่สุด


ด้วยเครื่องมือการตลาด เช่น การตลาดผ่านอีเมล เว็บไซต์ และระบบอัตโนมัติ เราสามารถส่งเนื้อหาที่ไม่ซ้ำกันให้กับผู้เข้าชมในขั้นตอนที่แตกต่างกันของการซื้อได้โดยอัตโนมัติ


กลยุทธ์การดึงดูดลีดที่มีประสิทธิภาพ


อย่างที่เราได้พูดถึงไปแล้ว ขั้นตอนแรกในกระบวนการสร้างลีดคือการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง นี่คือกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่เราสามารถใช้เพื่อดึงดูดลีดได้:


1. การตลาดเชิงเนื้อหา (Content Marketing)


การตลาดเชิงเนื้อหาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การสร้างลีดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมุ่งเน้นการสร้างและแบ่งปันเนื้อหาที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ขั้นตอนพื้นฐานในการใช้การตลาดเชิงเนื้อหาสำหรับการสร้างลีด ได้แก่:


  • ระบุความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย : ใช้ข้อมูลจากโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติเพื่อระบุปัญหาและคำถามที่พวกเขาต้องการคำตอบ

  • สร้างเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการเหล่านั้น : สร้างบทความ วิดีโอ อินโฟกราฟิก และอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลและแก้ปัญหาสำหรับกลุ่มเป้าหมาย

  • ปรับให้เข้ากับเส้นทางการซื้อของลูกค้า : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรามีเนื้อหาสำหรับทุกขั้นตอนของการตัดสินใจซื้อ ตั้งแต่การสร้างความตระหนักไปจนถึงการพิจารณาและการตัดสินใจ

  • ทำให้ค้นหาได้ : ปรับแต่ง SEO อย่างเหมาะสมเพื่อให้เนื้อหาของเราปรากฏในผลการค้นหาเมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • โปรโมทผ่านช่องทางที่เหมาะสม : แบ่งปันเนื้อหาของเราผ่านช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายใช้มากที่สุด เช่น สื่อสังคมออนไลน์ อีเมล หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ

  • รวม CTA : รวมการเรียกร้องให้ลงมือทำ (Call-to-Action) ที่ชัดเจนในเนื้อหาของเราเพื่อนำผู้อ่านไปสู่ขั้นตอนต่อไปในการให้ข้อมูลของพวกเขา


2. การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing)


การตลาดผ่านอีเมลเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการสร้างและดูแลลีด วิธีใช้การตลาดผ่านอีเมลอย่างมีประสิทธิภาพ:


  • สร้างรายชื่ออีเมลที่มีคุณภาพ : รวบรวมอีเมลผ่านฟอร์มการสมัครบนเว็บไซต์ การลงทะเบียนงานอีเวนต์ และวิธีการที่ถูกกฎหมายอื่นๆ

  • แบ่งกลุ่มรายชื่อ : แบ่งรายชื่ออีเมลตามโปรไฟล์ พฤติกรรม หรือขั้นตอนในกรวยการขาย

  • ส่งเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง : ปรับเนื้อหาให้เข้ากับความสนใจและความต้องการของแต่ละกลุ่ม

  • ทดสอบและปรับปรุง : ทดสอบหัวเรื่อง เนื้อหา และการเรียกร้องให้ลงมือทำ (CTA) ของเราอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับปรุงอัตราการเปิดและการคลิก

  • ตั้งเวลาให้เหมาะสม : ส่งอีเมลในเวลาที่กลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มที่จะตอบสนองมากที่สุด

  • วัดผลและวิเคราะห์ : ติดตามเมตริกสำคัญเช่น อัตราการเปิด อัตราการคลิก และอัตราการแปลง เพื่อประเมินและปรับปรุงแคมเปญของเรา


3. การตลาดบนสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Marketing)


สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการติดต่อกับกลุ่มเป้าหมาย สร้างความตระหนัก และสร้างลีด วิธีใช้สื่อสังคมออนไลน์สำหรับการสร้างลีด:


  • เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม : มุ่งเน้นแพลตฟอร์มที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้มากที่สุด

  • สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ : พัฒนาเนื้อหาที่มีคุณค่า ให้ความรู้ และกระตุ้นการมีส่วนร่วม

  • มีส่วนร่วมในการสนทนา : ตอบสนองความคิดเห็น ตอบคำถาม และมีส่วนร่วมในการสนทนาที่เกี่ยวข้อง

  • ใช้โฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์ : ใช้ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายโฆษณาที่ละเอียดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง

  • โปรโมทข้อเสนอที่มีคุณค่า : แบ่งปันอีบุ๊ค เอกสารทางวิชาการ เวบินาร์ และเนื้อหาอื่นๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย

  • ติดตามผลลัพธ์ : ใช้เครื่องมือวิเคราะห์บนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อวัดผลกระทบและ ROI ของความพยายามของเรา


เทคนิคการเก็บข้อมูลลีด


เมื่อเราดึงดูดผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ของเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเก็บข้อมูลของพวกเขา นี่คือเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเก็บข้อมูลลีด:


1. แบบฟอร์มที่ออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพ

แบบฟอร์มเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บข้อมูลลีด แบบฟอร์มที่มีประสิทธิภาพควรมีลักษณะดังนี้:

  • สั้นและตรงประเด็น: ขอเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น ฟอร์มที่ยาวเกินไปอาจทำให้ผู้เข้าชมไม่ต้องการกรอกข้อมูล

  • ดูเรียบง่าย: ใช้การออกแบบที่สะอาดและเป็นระเบียบเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่น่ากลัว

  • มีลำดับที่ดี: จัดเรียงฟิลด์ในลำดับที่ตรรกะและเป็นธรรมชาติ

  • ปรับให้เข้ากับอุปกรณ์เคลื่อนที่: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบบฟอร์มทำงานได้ดีบนอุปกรณ์ทุกประเภท

  • มีข้อความชัดเจน: ใช้ป้ายฟิลด์ที่ชัดเจนและข้อความแนะนำที่เป็นประโยชน์

  • แสดงความเป็นส่วนตัว: รวมลิงก์ไปยังนโยบายความเป็นส่วนตัวของเราและแสดงให้เห็นว่าข้อมูลของพวกเขาจะได้รับการปกป้อง

  • มีปุ่ม CTA ที่โดดเด่น: ใช้ปุ่มส่งที่มองเห็นได้ชัดเจนและมีข้อความที่กระตุ้นการลงมือทำ


กรวยการสร้างลีดสำหรับธุรกิจ B2B

Diagram 


2. Landing Page ที่มีประสิทธิภาพ


Landing Page ที่ออกแบบอย่างดีสามารถเพิ่มอัตราการแปลงและช่วยให้เราเก็บข้อมูลลีดได้มากขึ้น องค์ประกอบของ Landing Page ที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่:


  • พาดหัวที่ดึงดูดความสนใจ: ใช้พาดหัวที่ดึงดูดความสนใจซึ่งสื่อสารคุณค่าหลักอย่างชัดเจน

  • ข้อเสนอที่น่าสนใจ: นำเสนอสิ่งที่มีคุณค่า เช่น อีบุ๊ค เอกสารทางวิชาการ หรือการทดลองใช้ฟรี เพื่อแลกกับข้อมูลของผู้เข้าชม

  • ข้อความที่เน้นประโยชน์: เน้นประโยชน์ที่ผู้เข้าชมจะได้รับจากข้อเสนอของเรา ไม่ใช่เพียงคุณสมบัติ

  • การออกแบบที่สะอาด: ใช้เลย์เอาต์ที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นไปที่การแปลงโดยไม่มีสิ่งรบกวน

  • องค์ประกอบของความน่าเชื่อถือ: รวมความคิดเห็นของลูกค้า โลโก้บริษัทที่เป็นพันธมิตร หรือสถิติที่น่าประทับใจเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

  • รูปภาพหรือวิดีโอที่เกี่ยวข้อง: ใช้ภาพที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมข้อความและทำให้หน้าน่าดึงดูดมากขึ้น

  • CTA ที่โดดเด่น: มีปุ่ม CTA ที่ชัดเจนและโดดเด่นด้วยข้อความที่กระตุ้นการลงมือทำ

  • การทดสอบที่สม่ำเสมอ: ทดสอบองค์ประกอบต่างๆ


การคัดกรองลีดและระบบการให้คะแนนลีด


หลังจากที่เราเก็บข้อมูลของผู้ที่สนใจได้แล้ว ก้าวต่อไปของเราคือการคัดกรองลีดเหล่านั้นเพื่อระบุว่าลีดใดที่มีคุณภาพสูงและมีแนวโน้มที่จะแปลงเป็นลูกค้า นี่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ทีมขายของเราโฟกัสเวลาและความพยายามกับโอกาสที่มีแนวโน้มมากที่สุด


ระบบการให้คะแนนลีด (Lead Scoring System)


การให้คะแนนลีดเป็นวิธีที่เป็นระบบในการประเมินความพร้อมของลีดแต่ละรายโดยการกำหนดคะแนนตามพฤติกรรม ข้อมูลประชากร และความสนใจของพวกเขา โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถใช้เกณฑ์สองประเภทในการให้คะแนนลีด:


1. การให้คะแนนตามคุณสมบัติ (Demographic Scoring)

การให้คะแนนนี้เกี่ยวข้องกับการประเมินว่าลีดเหมาะกับลูกค้าในอุดมคติของเรามากแค่ไหน โดยพิจารณาจากลักษณะเชิงประชากรและบริษัท เช่น:


  • ขนาดบริษัท: บริษัทที่มีขนาดเหมาะสมกับโซลูชันของเรา

  • อุตสาหกรรม: อุตสาหกรรมที่เราเชี่ยวชาญและให้บริการได้ดีที่สุด

  • ตำแหน่งงาน: ผู้มีอำนาจตัดสินใจหรือผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

  • ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: พื้นที่ที่เราให้บริการ

  • งบประมาณ: ความสามารถในการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา

ลีดที่มีคุณสมบัติตรงกับโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติของเราจะได้รับคะแนนสูงกว่า


2. การให้คะแนนตามพฤติกรรม (Behavioral Scoring)

การให้คะแนนนี้วัดระดับความสนใจและการมีส่วนร่วมของลีดกับเนื้อหาและช่องทางการตลาดของเรา เช่น:


  • การเยี่ยมชมเว็บไซต์: ความถี่และระยะเวลาในการเยี่ยมชม

  • การมีส่วนร่วมกับเนื้อหา: การดาวน์โหลดเอกสารทางวิชาการ อีบุ๊ค หรือการดูเวบินาร์

  • การมีส่วนร่วมทางอีเมล: การเปิดอีเมล การคลิกลิงก์ และการตอบกลับ

  • การมีส่วนร่วมบนสื่อสังคมออนไลน์: การมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ของเราบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์

  • การเยี่ยมชมหน้าที่บ่งบอกถึงความสนใจในการซื้อ: เช่น หน้าราคา หน้าติดต่อ หรือหน้าสาธิตผลิตภัณฑ์


ลีดที่แสดงพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงความสนใจซื้อสูงจะได้รับคะแนนมากขึ้น


วิธีใช้ระบบการให้คะแนนลีดในทางปฏิบัติ


ขั้นตอนในการสร้างและใช้ระบบการให้คะแนนลีดที่มีประสิทธิภาพ:


  1. กำหนดเกณฑ์และการให้น้ำหนัก: พัฒนาเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับทั้งคุณสมบัติและพฤติกรรม และกำหนดน้ำหนักให้กับแต่ละเกณฑ์ตามความสำคัญ

  2. กำหนดเกณฑ์คะแนน: กำหนดเกณฑ์ว่าลีดที่มีคะแนนเท่าใดจึงจะถือว่าเป็น MQL (ลีดที่ผ่านการคัดกรองทางการตลาด) และพร้อมที่จะส่งต่อให้ทีมขาย

  3. ติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรม: ใช้เครื่องมือการตลาดอัตโนมัติเพื่อติดตามการมีส่วนร่วมและพฤติกรรมของลีด

  4. ให้คะแนนและจัดอันดับลีด: ใช้ระบบของเราเพื่อคำนวณคะแนนโดยรวมสำหรับลีดแต่ละราย

  5. ตั้งค่าเกณฑ์การส่งต่อ: ส่งลีดที่มีคะแนนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไปยังทีมขาย

  6. ทบทวนและปรับปรุงระบบ: ปรับปรุงระบบของเราอย่างสม่ำเสมอตามผลลัพธ์และความคิดเห็นจากทีมขาย


การดูแลลีด (Lead Nurturing)


การดูแลลีดเป็นกระบวนการในการพัฒนาความสัมพันธ์กับลีดของเราในแต่ละขั้นตอนของกรวยการขาย โดยมอบเนื้อหาและการสื่อสารที่เกี่ยวข้องและมีคุณค่า วัตถุประสงค์คือการสร้างความไว้วางใจ แสดงคุณค่าของโซลูชันของเรา และช่วยให้ลีดก้าวหน้าไปสู่การตัดสินใจซื้อ


กลยุทธ์การดูแลลีดที่มีประสิทธิภาพ


1. สร้างโปรแกรมดูแลลีดตามพฤติกรรมและความสนใจ

พัฒนาเส้นทางการดูแลที่แตกต่างกันตามพฤติกรรม ความสนใจ และความต้องการของลีด เช่น:

  • ลีดที่ดาวน์โหลดอีบุ๊คเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะควรได้รับเนื้อหาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้น

  • ลีดที่เยี่ยมชมหน้าเว็บเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ควรได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติและประโยชน์

  • ลีดที่ดูการสาธิตผลิตภัณฑ์ควรได้รับกรณีศึกษาและข้อเสนอทดลองใช้


2. ใช้การตลาดผ่านอีเมลอัตโนมัติ

สร้างชุดอีเมลอัตโนมัติที่ส่งเนื้อหาที่เกี่ยวข้องให้กับลีดตามช่วงเวลาที่กำหนดหรือเมื่อเกิดเหตุการณ์เฉพาะ:

  • อีเมลต้อนรับ: ส่งทันทีหลังจากที่ลีดลงทะเบียนหรือดาวน์โหลดเนื้อหา

  • อีเมลให้ความรู้: ส่งข้อมูลและเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของพวกเขา

  • อีเมลกรณีศึกษา: แบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จของลูกค้าและตัวอย่างการใช้งานจริง

  • อีเมลข้อเสนอพิเศษ: มอบข้อเสนอพิเศษหรือส่วนลดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ


3. ส่งมอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอนของกรวยการขาย

สร้างและส่งมอบเนื้อหาที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการและคำถามเฉพาะในแต่ละขั้นตอนของกรวยการขาย:


  • ส่วนบนของกรวย: บทความให้ความรู้ อินโฟกราฟิก วิดีโอแนะนำ

  • ส่วนกลางของกรวย: อีบุ๊ค เอกสารทางวิชาการที่ลึกซึ้ง เวบินาร์ เครื่องมือ

  • ส่วนล่างของกรวย: กรณีศึกษา การสาธิตผลิตภัณฑ์ การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง การวิเคราะห์ ROI


4. ติดตามและตอบสนองต่อการมีส่วนร่วม


ติดตามการมีส่วนร่วมของลีดกับเนื้อหาและช่องทางการสื่อสารของเรา และปรับกลยุทธ์การดูแลของเราอย่างเหมาะสม:


  • ปรับความถี่: ส่งการสื่อสารถี่ขึ้นสำหรับลีดที่มีส่วนร่วมสูง หรือลดความถี่สำหรับผู้ที่มีส่วนร่วมน้อย

  • ปรับเนื้อหา: ปรับเนื้อหาที่เราส่งตามความสนใจและพฤติกรรมที่แสดงออก

  • ยกระดับลีดที่พร้อม: ทราบเมื่อลีดแสดงสัญญาณความพร้อมในการซื้อและดำเนินการทันที


การวัดผลและการวิเคราะห์การสร้างลีด


การวัดผลและการวิเคราะห์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประเมินประสิทธิภาพของความพยายามในการสร้างลีดของเรา การระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุง และการทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงสุด ต่อไปนี้เป็นเมตริกและ KPI สำคัญที่ควรติดตาม:


เมตริกการสร้างลีดที่สำคัญ


1. จำนวนลีด (Volume Metrics)

  • จำนวนลีดทั้งหมด: จำนวนลีดใหม่ทั้งหมดที่สร้างในช่วงเวลาหนึ่ง

  • จำนวนลีดตามแหล่งที่มา: จำนวนลีดที่สร้างจากแต่ละแหล่งที่มา (การค้นหาออร์แกนิก โซเชียลมีเดีย อีเมล โฆษณา ฯลฯ)

  • จำนวน MQL และ SQL: จำนวนลีดที่ผ่านการคัดกรองทางการตลาดและการขาย


2. คุณภาพและอัตราการแปลง (Quality and Conversion Metrics)

  • อัตราการแปลงลีด: เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่เปลี่ยนเป็นลีด

  • อัตราการแปลง MQL: เปอร์เซ็นต์ของลีดที่มีคุณสมบัติเป็น MQL

  • อัตราการแปลง SQL: เปอร์เซ็นต์ของ MQL ที่เปลี่ยนเป็น SQL

  • อัตราการปิดการขาย: เปอร์เซ็นต์ของ SQL ที่เปลี่ยนเป็นลูกค้า


3. เมตริกทางการเงิน (Financial Metrics)

  • ต้นทุนต่อลีด (CPL): ค่าใช้จ่ายในการสร้างลีดหนึ่งราย

  • ต้นทุนต่อการซื้อลูกค้า (CAC): ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการได้มาซึ่งลูกค้าใหม่

  • มูลค่าตลอดอายุของลูกค้า (CLV): รายได้ทั้งหมดที่คาดว่าจะได้รับจากลูกค้าตลอดความสัมพันธ์

  • ROI การสร้างลีด: ผลตอบแทนจากการลงทุนในการสร้างลีด


4. เมตริกการดูแลลีด (Lead Nurturing Metrics)

  • อัตราการเปิดอีเมล: เปอร์เซ็นต์ของอีเมลที่เปิด

  • อัตราการคลิก (CTR): เปอร์เซ็นต์ของผู้รับที่คลิกลิงก์ในอีเมล

  • อัตราการมีส่วนร่วมกับเนื้อหา: การมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาต่างๆ

  • เวลาในการแปลง: ระยะเวลาเฉลี่ยจากลีดถึงลูกค้า


การนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ


เมื่อเราเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว เราควรใช้ข้อมูลนั้นเพื่อ:


  1. ปรับปรุงกลยุทธ์: ระบุและแก้ไขจุดอ่อนในกรวยการแปลง

  2. จัดสรรงบประมาณ: ลงทุนเพิ่มในช่องทางและกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

  3. ปรับเนื้อหา: ปรับปรุงเนื้อหาที่ได้ผลลัพธ์ต่ำและสร้างเนื้อหาเพิ่มเติมตามแบบที่ประสบความสำเร็จ

  4. พยากรณ์ผลลัพธ์: พัฒนาโมเดลที่แม่นยำมากขึ้นสำหรับการพยากรณ์ผลลัพธ์ทางธุรกิจ


กลยุทธ์การสร้างลีดขั้นสูง


ในโลกการตลาด B2B ที่มีการแข่งขันสูง การนำกลยุทธ์การสร้างลีดขั้นสูงมาใช้สามารถช่วยให้เราโดดเด่นและเพิ่มประสิทธิภาพในการแปลงลีดได้


1. การตลาดแบบ Account-Based (ABM)

การตลาดแบบ Account-Based เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าไปที่บัญชีหรือบริษัทที่มีมูลค่าสูงโดยเฉพาะ แทนที่จะใช้วิธีการตลาดแบบกว้าง ขั้นตอนในการใช้ ABM:


  • ระบุบัญชีเป้าหมาย: เลือกบริษัทที่เหมาะสมกับธุรกิจของเรามากที่สุด

  • วิจัยผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ: ระบุผู้มีอำนาจตัดสินใจและผู้มีอิทธิพลในบัญชีเป้าหมาย

  • สร้างเนื้อหาที่ปรับให้เข้ากับแต่ละบัญชี: พัฒนาเนื้อหาที่ตอบสนองความท้าทายและความต้องการเฉพาะของแต่ละบัญชี

  • ประสานงานช่องทางหลายช่องทาง: ใช้วิธีผสมผสานของอีเมล เนื้อหา โซเชียลมีเดีย และการสื่อสารส่วนบุคคล

  • วัดผลในระดับบัญชี: ติดตามการมีส่วนร่วมและการแปลงสำหรับแต่ละบัญชีเป้าหมาย


2. การตลาดด้วยเนื้อหาเชิงประสบการณ์ (Interactive Content Marketing)

เนื้อหาเชิงประสบการณ์ดึงดูดผู้ชมให้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันแทนที่จะเป็นเพียงผู้บริโภคแบบพาสซีฟ ตัวอย่างเช่น:


  • แบบทดสอบและการประเมิน: ช่วยให้ลีดประเมินความต้องการหรือความรู้ของตนเอง

  • เครื่องมือคำนวณ: แสดงให้เห็นถึงมูลค่าหรือประหยัดที่อาจเกิดขึ้นจากโซลูชันของเรา

  • เนื้อหาที่ปรับเปลี่ยนได้: อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งประสบการณ์ตามความต้องการของตนเอง

  • แผนที่ข้อมูลแบบโต้ตอบ: นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่น่าสนใจและมีส่วนร่วม

  • เกมและการจำลอง: ทำให้การเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราสนุกและน่าจดจำ


เนื้อหาประเภทนี้ไม่เพียงแค่เพิ่มการมีส่วนร่วม แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับความสนใจและความต้องการของลีดอีกด้วย


3. การใช้ AI และการตลาดอัตโนมัติขั้นสูง


เทคโนโลยี AI และการตลาดอัตโนมัติกำลังปฏิวัติวิธีการสร้างและจัดการลีดของธุรกิจ B2B:

  • การปรับเนื้อหาให้เข้ากับบุคคลโดยอัตโนมัติ: ใช้ AI เพื่อส่งมอบเนื้อหาที่ปรับให้เข้ากับพฤติกรรมและความสนใจของแต่ละลีด

  • แชทบอทสำหรับการโต้ตอบกับลีด: ใช้แชทบอทอัจฉริยะเพื่อตอบคำถาม คัดกรองลีด และเริ่มต้นการสนทนา

  • การให้คะแนนลีดที่ขับเคลื่อนด้วย AI: ใช้อัลกอริธึมขั้นสูงเพื่อประเมินคุณภาพของลีดและความพร้อมในการซื้อ

  • การพยากรณ์การเติบโตของลีด: คาดการณ์ว่าลีดใดมีแนวโน้มที่จะแปลงและเมื่อใด

  • การวิเคราะห์การสนทนา: วิเคราะห์การสนทนากับลีดเพื่อปรับการสื่อสารและกลยุทธ์การขาย


สรุป: การสร้างกลยุทธ์การสร้างลีดที่ยั่งยืน


การสร้างลีดที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งเดียว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องการการปรับปรุงและการปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลง ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนในการสร้างกลยุทธ์การสร้างลีดที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจ B2B ของเรา:


1. สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง


เริ่มต้นด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความพยายามในการสร้างลีดของเรา:

  • เทคโนโลยีที่ถูกต้อง: ลงทุนในแพลตฟอร์มการตลาดอัตโนมัติ CRM และเครื่องมือวิเคราะห์ที่รองรับกระบวนการของเรา

  • ทีมที่มีทักษะ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทีมของเรามีทักษะที่จำเป็นหรือเข้าถึงทรัพยากรเพื่อดำเนินกลยุทธ์

  • กระบวนการที่ชัดเจน: พัฒนาเวิร์กโฟลว์และขั้นตอนที่ชัดเจนสำหรับการสร้าง การคัดกรอง และการดูแลลีด

  • ความสอดคล้องระหว่างการตลาดและการขาย: สร้างความสอดคล้องและการสื่อสารระหว่างทีมการตลาดและการขาย


2. ใช้วิธีการแบบองค์รวม


ผสมผสานกลยุทธ์และช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างไปป์ไลน์ลีดที่แข็งแกร่งและหลากหลาย:

  • รวมช่องทางทั้งแบบอินบาวด์และเอาท์บาวด์: ใช้วิธีผสมผสานของการตลาดเชิงเนื้อหา อีเมล โซเชียลมีเดีย โฆษณา และการติดต่อโดยตรง

  • นำเสนอคุณค่าในทุกขั้นตอนของกรวย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรามีเนื้อหาและการสื่อสารที่ตรงกับความต้องการของลีดในทุกขั้นตอนของเส้นทางการซื้อ

  • เชื่อมโยงการรับรู้ออฟไลน์และออนไลน์: รวมกิจกรรมออฟไลน์ เช่น งานอีเวนต์และการประชุม เข้ากับกลยุทธ์ดิจิทัลของเรา


3. ให้ความสำคัญกับความไว้วางใจและความสัมพันธ์


ในการตลาด B2B คุณภาพของความสัมพันธ์มักมีความสำคัญมากกว่าปริมาณลีด:

  • มอบคุณค่าที่แท้จริง: มุ่งเน้นการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายในการแก้ปัญหาความท้าทายที่แท้จริง

  • สร้างความน่าเชื่อถือ: แสดงความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและความน่าเชื่อถือผ่านเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง

  • สร้างความไว้วางใจ: เป็นโปร่งใสและซื่อสัตย์ในการสื่อสารและการปฏิส

  • สร้างความสม่ำเสมอ: ส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณภาพและสม่ำเสมอในทุกจุดสัมผัสกับลูกค้า

  • รับฟังและปรับตัว: ใส่ใจต่อความคิดเห็นของลีดและปรับกลยุทธ์ของเราตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

  • มีความอดทน: เข้าใจว่าการสร้างความไว้วางใจต้องใช้เวลา โดยเฉพาะในบริบท B2B ที่มีวงจรการขายยาวนาน


4. ทดสอบ เรียนรู้ และ ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง


กลยุทธ์การสร้างลีดที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:


  • ดำเนินการทดสอบอย่างสม่ำเสมอ: ทดสอบองค์ประกอบต่างๆ ของกลยุทธ์ของเรา เช่น พาดหัว การเรียกร้องให้ลงมือทำ (CTA) แบบฟอร์ม และเนื้อหา

  • ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อติดตามประสิทธิภาพและระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุง

  • ขยายผลสิ่งที่ได้ผล: ลงทุนเพิ่มในกลยุทธ์และช่องทางที่สร้างลีดคุณภาพสูงมากที่สุด

  • เลิกใช้สิ่งที่ไม่ได้ผล: อย่ากลัวที่จะเลิกใช้แนวทางที่ไม่ได้ผลและจัดสรรทรัพยากรใหม่

  • ติดตามแนวโน้มอุตสาหกรรม: รับทราบการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ซื้อ เทคโนโลยี และแนวโน้มตลาด


กรณีศึกษา: ตัวอย่างการสร้างลีดที่ประสบความสำเร็จ


กรณีศึกษา 1: บริษัทซอฟต์แวร์ B2B ที่ใช้การตลาดเชิงเนื้อหา


บริษัท: SoftwareX (ชื่อสมมติ)


ความท้าทาย: SoftwareX ต้องการเพิ่มจำนวนลีดคุณภาพสูงสำหรับแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลของพวกเขา ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง


กลยุทธ์:

  1. พัฒนาศูนย์ทรัพยากรการวิเคราะห์ข้อมูลที่ครอบคลุมด้วยบทความ บล็อก และอีบุ๊คที่เจาะลึก

  2. สร้างเครื่องมือออนไลน์ฟรี เช่น เครื่องคำนวณ ROI และแบบทดสอบความพร้อมด้านข้อมูล เพื่อดึงดูดลีดและรวบรวมข้อมูลที่มีคุณค่า

  3. จัดเวบินาร์รายเดือนเกี่ยวกับหัวข้อการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

  4. ใช้ระบบการให้คะแนนลีดและการตลาดอัตโนมัติเพื่อจัดลำดับและดูแลลีด


ผลลัพธ์:

  • เพิ่มการสร้างลีดขึ้น 150% ในเวลาหกเดือน

  • อัตราการแปลงลีดเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้น 30%

  • ลดต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) ลง 25%

  • เพิ่มการรับรู้แบรนด์และสถานะผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรม


บทเรียนสำคัญ: การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเจาะลึกที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมายสามารถดึงดูดลีดที่มีคุณภาพและสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือได้


กรณีศึกษา 2: บริษัทผู้ผลิตที่ใช้การตลาดแบบ Account-Based (ABM)


บริษัท: ManufactureProThai (ชื่อสมมติ)


ความท้าทาย: ManufactureProThai ต้องการเจาะตลาดลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่สำหรับโซลูชันการผลิตอัตโนมัติของพวกเขา


กลยุทธ์:

  1. ระบุ 50 บริษัทเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงตามขนาด อุตสาหกรรม และความต้องการทางเทคโนโลยี

  2. วิจัยผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจหลักในแต่ละบริษัท รวมถึงผู้บริหารระดับ C ผู้จัดการโรงงาน และผู้นำด้านเทคโนโลยี

  3. สร้างแพคเกจเนื้อหาที่ปรับให้เข้ากับแต่ละบริษัท รวมถึงกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม การวิเคราะห์ ROI ที่ปรับแต่ง และคู่มือการใช้งาน

  4. ใช้วิธีแบบหลายช่องทาง รวมถึงอีเมลที่ปรับให้เข้ากับบุคคล การมีส่วนร่วมบนลิงค์อิน การโฆษณาเจาะจงบัญชี และการติดต่อโดยตรง

  5. จัดการสาธิตเฉพาะสำหรับแต่ละบัญชีที่ปรับให้เข้ากับความท้าทายเฉพาะของพวกเขา


ผลลัพธ์:

  • อัตราการตอบสนองที่สูงกว่าแคมเปญการตลาดทั่วไป 3 เท่า

  • ได้รับลูกค้าใหม่ 12 รายจาก 50 บัญชีเป้าหมายภายในหนึ่งปี

  • เพิ่มมูลค่าสัญญาเฉลี่ยขึ้น 40% เมื่อเทียบกับการขายแบบดั้งเดิม

  • สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับบัญชีเหล่านี้ นำไปสู่ธุรกิจซ้ำและการอ้างอิง


บทเรียนสำคัญ: การใช้วิธีการที่เฉพาะเจาะจงและเฉพาะบุคคลสูงสำหรับบัญชีที่มีมูลค่าสูงสามารถนำไปสู่อัตราการแปลงที่สูงขึ้นและความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นได้ แม้ว่าจะต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าก็ตาม


แนวโน้มปัจจุบันและอนาคตในการสร้างลีด B2B


ภูมิทัศน์การสร้างลีด B2B กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การตามทันแนวโน้มล่าสุดสามารถช่วยให้เรารักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ต่อไปนี้เป็นแนวโน้มสำคัญที่กำลังก่อรูปอนาคตของการสร้างลีด B2B:


1. ประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการปรับให้เข้ากับบุคคล

AI กำลังปฏิวัติวิธีที่ธุรกิจ B2B ระบุ ดึงดูด และดูแลลีด:


  • การปรับให้เข้ากับบุคคลเชิงพยากรณ์: ใช้ AI เพื่อคาดการณ์ความต้องการของลีดและส่งมอบเนื้อหาและข้อเสนอที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม

  • แชทบอทและผู้ช่วยเสมือนที่ชาญฉลาด: ใช้แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมีส่วนร่วมกับลีดในเวลาจริง ตอบคำถาม และคัดกรองโอกาส

  • การวิเคราะห์เชิงพฤติกรรมแบบเรียลไทม์: ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลีดและปรับประสบการณ์ทันที


2. การตลาดแบบไม่มีคุกกี้และการเคารพความเป็นส่วนตัว

ด้วยการเน้นย้ำเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นและการยกเลิกคุกกี้บุคคลที่สาม ธุรกิจ B2B ต้องปรับกลยุทธ์การสร้างลีดของพวกเขา:


  • กลยุทธ์ข้อมูลบุคคลที่หนึ่ง: รวบรวมและใช้ข้อมูลที่ผู้ใช้แบ่งปันโดยตรงอย่างมีจริยธรรม

  • การตลาดตามบริบท: มุ่งเน้นการเข้าถึงผู้ชมตามบริบทปัจจุบันมากกว่าประวัติการท่องเว็บ

  • การตลาดแบบมีความสัมพันธ์: สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวที่ผู้ชมเต็มใจแบ่งปันข้อมูลเพื่อแลกกับคุณค่า


3. การตลาดผ่านเสียงและการค้นหาด้วยเสียง


การเติบโตของผู้ช่วยดิจิทัลและการค้นหาด้วยเสียงกำลังส่งผลต่อกลยุทธ์การสร้างลีด B2B:

  • การปรับเนื้อหาสำหรับการค้นหาด้วยเสียง: ปรับเนื้อหาให้ตรงกับวิธีที่ผู้คนถามคำถามด้วยเสียง

  • ทักษะและแอปพลิเคชันเสียง: พัฒนาทักษะสำหรับแพลตฟอร์มอย่าง Alexa หรือ Google Assistant ที่ส่งมอบคุณค่าและดึงดูดลีด

  • พอดแคสต์และเนื้อหาเสียง: สร้างเนื้อหาเสียงที่มีคุณภาพสูงเพื่อดึงดูดผู้ฟังและสร้างลีด


4. การตลาดวิดีโอและการถ่ายทอดสด


วิดีโอกำลังกลายเป็นช่องทางสำคัญสำหรับการสร้างลีด B2B:

  • วิดีโอสั้นและให้ความรู้: สร้างวิดีโอสั้นๆ ที่ตอบคำถามหรือแก้ปัญหาทั่วไปสำหรับกลุ่มเป้าหมาย

  • เวบินาร์และการถ่ายทอดสด: จัดการถ่ายทอดสดที่ดึงดูดความสนใจ เช่น การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ หรือการสาธิตผลิตภัณฑ์

  • วิดีโอเบื้องหลัง: แสดงวัฒนธรรม กระบวนการ และคนที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจของเรา


5. การซื้อขายแบบไร้การเสียดสี


ผู้ซื้อ B2B ต้องการกระบวนการซื้อที่คล่องตัวและไร้การเสียดสีมากขึ้นเรื่อยๆ:

  • เครื่องมือประเมินตนเอง: สร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ลีดประเมินความพร้อมหรือความต้องการของตนเองโดยไม่ต้องพูดคุยกับฝ่ายขาย

  • การสาธิตตามความต้องการ: เสนอการสาธิตที่ผู้ใช้กำหนดเองและเข้าถึงได้ทันทีโดยไม่ต้องรอฝ่ายขาย

  • กระบวนการซื้อที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง: มอบข้อมูลและเครื่องมือที่ลีดต้องการเพื่อก้าวหน้าผ่านเส้นทางการซื้อในจังหวะของตนเอง


บทสรุป


การสร้างลีดที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจ B2B โดยใช้แนวทางที่เป็นระบบและครอบคลุม เราสามารถดึงดูด เก็บข้อมูล คัดกรอง และดูแลลีดคุณภาพสูงที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้าที่มีค่า


จุดสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การสร้างลีดที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่:


  1. เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย: สร้างโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติที่ละเอียดและใช้พวกเขาเพื่อแนะนำทุกแง่มุมของความพยายามในการสร้างลีดของเรา

  2. พัฒนากรวยการสร้างลีดที่สมบูรณ์: สร้างกรวยที่ชัดเจนพร้อมเนื้อหาและกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างความตระหนักไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ

  3. ใช้หลายช่องทางและวิธีการ: ผสมผสานการตลาดเชิงเนื้อหา อีเมล โซเชียลมีเดีย และช่องทางอื่นๆ เพื่อดึงดูดและเข้าถึงลีดในหลายจุดสัมผัส

  4. ดูแลและปรับเนื้อหาให้เข้ากับบุคคล: สร้างและส่งมอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและมีคุณค่าที่ปรับให้เข้ากับความต้องการและปัญหาเฉพาะของลีด

  5. ใช้วิธีการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อติดตาม วัดผล และปรับปรุงประสิทธิภาพของความพยายามในการสร้างลีดของเราอย่างต่อเนื่อง

  6. รักษาความสอดคล้องระหว่างการตลาดและการขาย: สร้างความสอดคล้องระหว่างทีมการตลาดและการขายเพื่อให้แน่ใจว่ามีการส่งต่อและติดตามลีดอย่างราบรื่น

  7. อยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรม: ติดตามแนวโน้มเกิดใหม่และเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพความพยายามในการสร้างลีดของเรา


ที่สำคัญที่สุด เราต้องจำไว้ว่าการสร้างลีด B2B ไม่ใช่แค่การสร้างรายชื่อ แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าและยาวนาน โดยมุ่งเน้นที่การให้คุณค่าที่แท้จริง การแก้ปัญหาที่แท้จริง และการสร้างความไว้วางใจ เราสามารถไม่เพียงแค่ดึงดูดลีดได้มากขึ้น แต่ยังดึงดูดลีดที่เหมาะสมที่จะกลายเป็นลูกค้าที่มีค่าและผู้สนับสนุนแบรนด์ของเราในระยะยาว


การลงทุนในการสร้างและปรับปรุงกลยุทธ์การสร้างลีดของเราอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจ B2B ของเราจะมีไปป์ไลน์ลีดที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในปีต่อๆ ไป



-----------------------------------------------------------------



ree

🤖🔥 คอร์ส AI Lead Generation

หยุดเผางบโฆษณากับ Lead ไร้คุณภาพ! ให้ AI คัดลูกค้าให้แม่นยำ


เทคนิคที่สอนประยุกต์ใช้ได้ทั้งกับธุรกิจ B2B และ B2C

(สอนครบทั้งวิธีการหา Lead แบบดั้งเดิมและแบบ AI Driven)


📌 เจาะกลุ่มเป้าหมายตรงจุด ลดต้นทุน เพิ่มโอกาสปิดการขาย! 

✋🏻 เลิกเสียเงินให้ลีดไม่มีคุณภาพ! (ทักแล้วไม่ซื้อ ทักผี) ใช้ AI คัดกรองลูกค้าให้อัตโนมัติตั้งแต่ต้นทาง!


🎯 สิ่งที่คุณจะได้จากคอร์สนี้:


  • Scraping Tools & Martech ค้นหา Leads (B2B) ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณ

  • AI Automation สร้าง Lead magnet คุณภาพ (E-book, Newsletter, โปรโมชั่น) ได้รวดเร็ว เหมาะกับ B2C สินค้าราคาสูง เพื่อให้ได้ข้อมูลลูกค้าเร็วขึ้น

  • Generative AI วิเคราะห์และจัดกลุ่มลีดอัตโนมัติ (รองรับ ChatGPT, Deepseek, Claude)

  • Automation ค้นหาเบอร์ธุรกิจ + Email ในคลิกเดียว พร้อมส่งเข้า Google Sheet อัตโนมัติ

  • Personalized Email Automation AI เขียนอีเมลเฉพาะเจาะจง ลดโอกาสเป็น Spam

  • คลิกเดียว ได้ Website และ Social Media ทั้งหมดของลูกค้า วิเคราะห์ง่าย เสนอขายตรงจุด

  • พื้นฐาน AI Automation ลดการทำงานซ้ำซ้อน ประยุกต์ใช้ได้กับทุกงาน


🔍 สิ่งที่ AI ของเราทำได้:


  • ✅ ค้นหาข้อมูลสำคัญของบริษัทเป้าหมายแม่นยำ

  • ✅ รวบรวม ชื่อบริษัท ที่อยู่ เบอร์โทร และช่องทางโซเชียล

  • ✅ เข้าถึงข้อมูลสำคัญรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเอง


🚀 ประโยชน์ของ AI Agent:


  • 🦾 รู้จักกลุ่มเป้าหมายลึกซึ้งก่อนติดต่อ

  • 🦾 ได้ Lead คุณภาพสูงพร้อมใช้งาน

  • 🦾 ลดงานที่ซ้ำซ้อนด้วย AI Automation

  • 🦾 สร้างระบบการหาลูกค้าแบบ Data-Driven แม่นยำ

  • 🦾 ลดต้นทุนโฆษณา เพิ่ม ROI สูง

  • 🦾 เพิ่มโอกาสปิดการขายจากลีดคุณภาพ


📌 คอร์สนี้เหมาะกับใคร?


  • ✅ เจ้าของธุรกิจที่อยากขยายฐานลูกค้ากำลังซื้อสูง

  • ✅ นักการตลาดที่ต้องการใช้ระบบอัตโนมัติเร่งหาลูกค้า

  • ✅ ผู้ประกอบการที่อยากลดต้นทุนการตลาดด้วยข้อมูลคุณภาพ


🎁 โบนัสพิเศษแถมฟรี!!


คอร์ส Traditional Lead Generation หา Lead แบบดั้งเดิม

  • สอนยิงแอดครบ 4 แพลตฟอร์ม (Facebook, TikTok, Google, LINE)

  • สอนสร้างเว็บไซต์ด้วย No-code เพื่อทำ Email Marketing


สรุป: คุณจะได้เรียนวิธีหา Lead ทั้งแบบ Traditional และ AI Driven


🔥 ให้ AI คัดกรองลีดแม่นยำ ลดค่าโฆษณา เพิ่ม ROI

📌 คอร์สวิดีโอเรียนได้ตลอดชีพ มีอัปเดตใหม่ตลอดเวลา

💰 ราคา: 9,900 บาท (Lifetime access)

📩 อยากให้ AI หาและคัดลูกค้าให้คุณ? ทักมาเลย!

👇 ลูกค้าและงานอบรมที่ผ่านมา: https://www.marketingexpert.biz/our-customers

Comments


455052278_427294476991947_7797763956184785942_n.png
bottom of page